Last updated: 29 เม.ย 2565 | 6406 จำนวนผู้เข้าชม |
สำหรับ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s เราคงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่าตัวกล้องนั้นมีความคมชัดเท่าไร และมีฟังก์ชันอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เรายังไม่ทราบเลยก็คือแต่ละฟังก์ชันในกล้องติดรถยนต์ใช้ทำอะไรได้บ้าง เมื่อใช้งานร่วมกันแล้วจะเป็นอย่างไร เมื่อเปิด-ปิดฟังก์ชันนนี้แล้วจะเป็นอย่างไร แล้วควรเปิดหรือปิดแบบไหนจะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่ากัน แล้วภาพหรือคลิปได้จาก กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีคมชัดพร้อมเก็บทุกหลักฐานอย่างที่บอกไว้จริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นคนรีวิวมากที่สุด ซึ่งถ้าใครที่อยากเห็นเป็นคลิปวิดีโอแบบชัดๆ สามารถกดดู YouTube ด้านบนได้เลยค่ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็สามารถดูเป็นภาพได้ที่บทความนี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
คุณสมบัติ ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s
ก่อนเจาะลึกทุกฟังก์ชัน ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s ทางเราก็จะขอพูดถึงคุณสมบัติโดยรวม ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s อีกครั้ง เผื่อสำหรับคนที่ยังไม่ทราบเลยว่าตัวกล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีคุณสมบัติและสามารถทำอะไรได้บ้าง
1. กล้องหน้าคมชัด 2K (2592×1944 Pixel @30FPS) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX335
2. กล้องหลังคมชัด Full HD (1920x1080 Pixel @30FPS) ใช้เซ็นเซอร์ Galaxy core GC2053
3. มุมมองกล้องหน้า 140 องศา รูรับแสง F1.8 มุมมองกล้องหลัง 130 องศา รูรับแสง F2.0
4. มี GPS มาแล้วในตัว
5. มี WIFI มาแล้วในตัว
6. ใช้แหล่งจ่ายพลังงานเป็นแบตเตอรี่
7. รองรับสายต่อตรง UP02 เพื่อใช่โหมดบันทึกตอนจอด
8. ใช้ระบบ ADAS ได้
9. มีระบบ G-Sensor
10. มีระบบ WDR
11. มีระบบ Loop recording
12. มีระบบ Defog
13 . มีระบบ Driving route data sync
14. ตั้งเปิด-ปิด ไมโครโฟนได้
15. ใส่เมมได้สูงสุด 128 GB
เจาะลึกทุกฟังก์ชั่น ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s
1. หน้าจอแสดงผลของกล้องหน้า กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s เป็นแบบ IPS กว้าง 2.0 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 480 x 360 Pixel เมื่อเราดูภาพหรือคลิปวิดีโอผ่านหน้าจอ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s เราก็จะเห็นว่าภาพค่อนข้างสีสวยไม่เพี้ยนและมีความคมชัดอยู่พอสมควรค่ะ
2. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s กล้องหน้ามีความละเอียดในการบันทึกวิดีโอ 2K (2592×1944 Pixel @30FPS) ซึ่งค่อนข้างคมชัดเลยทีเดียว บวกกับกล้องหน้ายังใช้เซนเซอร์ Sony IMX335 ร่วมด้วย เลยทำให้ภาพที่บันทึกได้มีความคมชัดมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ตัวกล้องหน้ายังมี รูรับแสงกว้าง F1.8 ซึ่งรูรับแสงคือส่วนที่ทำให้ภาพที่บันทึกได้มีความสว่าง ยิ่งเลขข้างหลัง F มีค่าน้อยมากเท่าไรแสดงว่ากล้องสามารถรับแสงได้มาก และภาพที่ได้ก็จะสว่างด้วยเช่นกัน จากภาพเราจึงเห็นว่านอกจากภาพจะคมชัดแล้วก็ยังมีความสว่างด้วยเช่นกัน ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนค่ะ
จุดสังเกตุพิ่มเติม : วิดีโอของ กล้องหน้าติดรถยนต์ 70Mai A500s จะมีอัตราส่วนแบบ 4:3 เมื่อเรากดเปิดดูภาพแบบเต็มจอ ภาพที่ได้จะไม่เต็มจอ เราจะเห็นขอบสีดำอยูข้างๆ ซึ่งต่างกับตัวกล้องหลังที่มีอัตราส่วนเป็นแบบ 16:9 เมื่อเปิดดูภาพแบบเต็มจอ ภาพก็จะดูเต็มจอไม่มีขอบสีดำนั่นเองค่ะ
3. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s กล้องหลังมีความละเอียดในการบันทึกวิดีโอ Full HD (1920x1080 Pixel @30FPS) ใช้เซ็นเซอร์ Galaxy core GC2053 รูรับแสงกว้าง F2.0 ซึ่งกล้องหลังของ กล้องติดรถยนต์ 70Ma A500s เป็นกล้องหลังตัวเดียวกับกล้องหลังของกล้องติดรถยนต์ 70Mai A800s มีชื่อว่า RC06 ซึ่งจากภาพเราจะเห็นว่าภาพที่ได้จากกล้องหลังนั่นมีความเบลอ ไม่คมชัดแบบที่คิดไว้ จึงเกิดคำถามว่าทำไมกล้องหน้าที่คมชัด Full HD ถึงได้คลิปที่คมชัดมากกว่ากล้องหลังที่คมชัด Full HD ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น กระจกด้านหลังรถจะมีความ Slop มากกว่ากระจกด้านหน้ารถเลยทำให้คอนโซนหลังรถสะท้อนไปที่กระจกได้มากกว่า ร่วมถึงฟิล์มติดกระจกรถด้านหลังที่มืดกว่าด้านหน้าทำให้ภาพที่บันทึกได้มีความมืดไปด้วย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถนำคลิปที่ได้จากกล้องหน้าและกล้องหลังที่คมชัด Full HD มาเทียบกันได้ค่ะและถึงแม้ว่ากล้องหลัง RC06 จะมีความเบลอของภาพอยู่บ้างโดยเฉพาะภาพในตอนกลางคืน แต่จากภาพเราก็จะสังเกตุได้ว่าเรายังสามารถอ่านเลขทะเบียนรถคันหลังได้อยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลยสะทีเดียวค่ะ
จุดสังเกตุพิ่มเติม : สำหรับการบันทึกวิดีโอในตอนกลางคืนของกล้องหลัง RC06 ถ้าบริเวณนั้นไม่มีแสงใดๆเลย ภาพที่บันทึกได้ก็จะค่อนข้างมืด เพราะฉะนั้นถ้าใครที่ขับรถตอนกลางคืนบ่อยๆ และบริเวณที่ขับรถนั้นแทบจะไม่มีไฟข้างทางเลย ก็อาจจะต้องพิจณาก่อนเลือกซื้อนิดหนึ่งค่ะ
4. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s กล้องหน้ามีมุมมองกว้าง 140 องศา ส่วนกล้องหลังมีมุมมองกว้าง 130 องศา ซึ่งถือว่าไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร ตรงส่วนนี้ให้มองในภาพที่เลนส์ถนน ถ้ามองโดยรวมทั้งทั้งภาพ เราอาจจะเห็นภาพจากกล้องหน้าแคบกว่ากล้องได้ เนื่องจากอย่างที่บอกไปตอนแรกว่า มุมมองของกล้องหน้าเป็นแบบ 4:3 เลยทำให้เห็นขอบสีดำด้านข้างเมื่อดูเต็มจอแลยหมือนภาพถูกบีบให้แคบลงนั่นเอง ซึ่งจากภาพเราจะเห็นว่าทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังของกล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s นั่นสามารถเก็บภาพได้ครอบคลุมถนนทั้ง 3 เลนส์ ถึงแม้กล้องหลังจะแคบกว่านิดหนึ่ง แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายรถ กล้องหลังก็จะสามารถเก็บภาพได้อย่างครอบคลุมค่ะ
5. หน่วยประมวลผล ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s ซึ่งหน่วยประมวลผล คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่งก่อนจะแสดงให้เราเห็น สำหรับของกล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s นั้นใช้หน่วยประมวลผลเป็นแบบ NT96580 ค่ะ
6. ระบบบีบอัดไฟล์ ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s ซึ่งระบบบีบอัดไฟล์ คือ ระบบที่บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็ก เมื่อไฟล์มีขนาดเล็กลงข้อมูลก็จะถูกส่งได้เร็วขึ้น, บันทึกวิดีโอได้นานขึ้น, และดูคลิปวิดีโอย้อนหลังได้นานขึ้นด้วย สำหรับ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s นั้นรองรับระบบบีบอัดไฟล์ได้ถึง 2 รูปแบบนั่นคือ High compression rate หรือ H.265 กับ Low compression rate หรือ H.264 ซึ่งก็จะมีข้อดีข้อเสียดังต่อไปนี้
และ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรกกล้องจะเลือกเป็นแบบ H.265 ไว้ให้อัตโนมัติ แต่ว่าในปัจจุบันมือถือรุ่นใหม่ๆ รวมถึงโปรแกรมเล่นวิดีโอในคอมพิวเตอร์หลายๆ โปรแกรมสามารถรองรับไฟล์แบบ H.265 แล้วได้แล้ว เช่น VLC Media Player, Window media player, Wondershare Player, DivX Player เป็นต้น ถ้ามือถือเราไม่รองรับระบบบีบอัดไฟล์แบบ H.265 เราก็สามารถนำไฟล์ไปเปิดดูในคอมตามโปรแกรมที่แนะนำได้เลยค่ะ
7. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มี WIFI และยังคงรองรับแค่ 2.4GHz เท่านั้น ซึ่ง WIFI ของกล้องติดรถยนต์ ถือว่ามีประโยชน์มาก อย่างเช่น เราเกิดอุบัติเหตุเราสามารถเชื่อม WIFI ของกล้องเข้ากับมือถือ เปิดดูคลิปเกิดเหตุจากแอพ 70Mai ได้เลยทันที หรือจะดาวห์โหลดคลิป ณ ตอนนั้นแล้วส่งคลิปหลักฐานให้ตำรวจหรือประกันก็สามารถทำได้ทันทีเช่นเดียวกันโดยที่เราไม่ต้องกังวลว่าไฟล์อุบัติเหตุของเรานั้นจะถูกวนทับอัตโนมัติ หรือ บางทีเราอาจจะไม่สะดวกไปตั้งค่ากล้องติดรถยนต์ที่หน้าจอกล้องเราก็สามารถเชื่อม WIFI แล้วตั้งค่าผ่านทางแอพ 70Mai ก็สามารถทำได้ รวมถึงการดูภาพเราสามารถดูภาพจากกล้องผ่านทางแอพ 70Mai และภาพที่ดูก็จะมีขนาดใหญ่เท่ากับหน้าจอมือถือของเราอีกด้วยค่ะ
8. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มี GPS มาแล้วในตัว หน้าที่ของ GPS คือ บันทึกพิกัด และ ความเร็วรถลงในคลิปวิดีโอ สามารถใช้เป็นหลักฐานถ้ามีคู่กรณีบอกว่าเราขับรถเร็วจนมาชนเขา ซึ่งถ้าเราไม่ได้ทำแบบที่คู่กรณีบอก เราก็นำคลิปที่มีพิกัดแล้วก็ความเร็วรถให้ตำรวจดูได้เลยว่าเราไม่ได้ขับเร็วตามที่คู่กรณีบอก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม GPS ก็ถือว่าเป็นดาบ 2 คมเหมือนกัน เช่น เราเปิด GPS ไว้และในเหตุการณ์นี้คู่กรณีผิดเพราะมาผิดเลน เมื่อตำรวจขอดูคลิปจากกล้องหน้ารถของเราเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ปรากฎว่าในคลิปเราดันขับรถมาเร็วเกินกำหนดที่กฏหมายตั้งไว้ตรงนี้เราอาจจะโดนข้อหาขับรถเร็วแทนได้เช่นกัน ซึ่งถ้าใครไม่อยากให้คลิปวิดีโอแสดงความเร็วลงในคลิป ก็สามารถเข้าไปปิด GPS ที่เมนู speed ในแอพได้ค่ะ
9. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีระบบ WDR หรือ Wide Dynamic Range เป็นระบบที่ช่วยปรับสมดุลแสงของภาพให้สว่างเท่ากันทั่วทั้งภาพ อย่างเช่น เราขับรถในที่แสงจ้า ภาพที่เราบันทึกได้ก็จะถูกปรับให้สว่างเท่ากันทั่วทั้งดังเช่นภาพด้านล้าง จะเห็นว่าภาพที่ได้ดูไม่จ้ามากจนเกินไป นั่นเองค่ะ
10. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีระบบ G-Sensor ที่ช่วยล็อคคลิปอัตโนมัติเมื่อมีแรงกระแทกเกิดขึ้นกับรถยนต์ โดยที่คลิปจะถูกล็อคและถูกแยกไว้ใน Emergency Album เพื่อไม่ให้คลิปนั้นถูกบันทึกวนลูปอัตโนมัตินั่นเอง แต่หลังจากที่เราเข้าไปดูคลิป หรือ ดาวห์โหลดคลิป ที่ถูกบันทึกโดย ที่ G-Sensor แล้ว และเราไม่อยากให้คลิปอยู่ในเมม เราก็สามารถกดลบคลิปนี้ออกได้เช่นเดียวกัน โดยที่เราต้องเป็นคนกดลบเองเท่านั้น หรือ ถ้าอยากลบข้อมูลในเมมทั้งหมดในครั้งเดียวเลย ก็สามารถกดที่เมนู Format ครั้งเดียวได้เลยค่ะ
11. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีระบบ Loop recording หรือระบบวนลูปอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้เป็นระบบที่กล้องติดรถยนต์ควรมี เพราะถ้าเราต้องคอยมาฟอร์เมตเมมทุกครั้งที่เมมเต็มก็คงจะเสียเวลาไม่น้อย แต่ถ้ากล้องติดรถยนต์เรามีระบบนี้เราก็หมดกังวลเรื่องเมมเต็มและต้องมาคอยตามฟอร์แมตไปได้เลย
12. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีระบบ ADAS หรือ ระบบผู้ช่วยขับขี่อัตโนมัติ แจ้งเตือนเมื่อเราขับรถออกนอนเลน หรือขับใกล้คันหน้ามากจนเกินไป ซึ่งเสียงแจ้งเตือนก็จะเป็นเสียงแจ้งภาษาอังกฤษให้เราทราบ แต่ระบบนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเราต้องเปิด GPS เท่านั้นค่ะ แต่ระบบ ADAS ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s นั้นหลังจากทดลองใช้แล้วจะแจ้งเตือนไม่บ่อยเท่าไรถ้าไม่ได้ขับหลุดออกนอกเลนเบบจริงๆค่ะ
13. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีระบบ Defog ที่ช่วยให้คลิปวิดีโอมีความคมชัด แม้บันทึกในที่ ที่มีหมอกหรือควันนั่นเองค่ะ
14. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s รองรับ Parking Mode หรือ โหมดบันทึกตอนจอด ซึ่งถ้าใครต้องการใช้ โหมดบันทึกตอนจอด ต้องซื้อสายต่อตรง UP02 เพิ่ม เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ให้มาในชุดอุปกรณ์ และโหมดบันทึกตอนจอดของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s จะเป็นแบบบันทึกอัตโนมัติเมื่อมีแรงกระแทกเกิดขึ้นกับรถ ซึ่งข้อเสียคือเราจะไม่ได้คลิปก่อนชน เราจะได้แต่คลิปหลังชนเท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถทราบได้เลยว่ารถที่เข้ามาชนรถเรานั้นมาจากทิศทางไหน
15. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s รองรับ Micro SD Card ได้สูงสุด 128GB ซึ่งความจุของเมมโมรี่การ์ดเป็นส่วนที่ช่วยให้เราดู คลิปวิดีโอย้อนหลังได้นานขึ้น ดังตารางดังต่อไปนี้
16. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s สามารถตั้งเปิด-ปิด ไมค์โครโฟนที่ตัวกล้องได้ ตรงนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการให้ในคลิปวิดีโอมีเสียงก็สามารถเข้าไปกดปิดที่เมนูเสียงได้ค่ะ
17. กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s มีฟังก์ชัน Driving route data sync เป็นการเชื่อมต่อเพื่อซิงโครไนซ์ route data จากกล้องติดรถยนต์ไปที่มือถือ ทำให้เราสามารถเห็นเส้นทางการขับขี่ย้อนหลังของเราทั้งหมด ได้ว่าเราขับจากไหน ไปไหนมาบ้าง และยังสามารถดูค่าเฉลี่ยความเร็วรถรวมถึงความเร็วรถสูงสุดที่เราขับรถได้ด้วย
เฟิร์มแวร์ล่าสุด ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s
สำหรับเฟิร์มแวร์ล่าสุด ของ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s ปัจจุบันเป็นเวอร์ชั่น 1.0.6ww ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ซึ่งทาง70Mai ได้เริ่มเผยแผ่ให้ได้อัพเดตได้ตั้งแต่วันที่ 29.04.2021 เป็นต้นมาเพราฉะนั้นอย่าลืมเข้าไปอัพเดตให้เป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุด เพื่อที่จะได้ใช้ กล้องติดรถยนต์ 70Mai A500s อย่างมีเสียรภาพมากขึ้น
บทความเพิ่มเติม
10 คำถามยอดฮิต กล้องติดรถยนต์ 70Mai Pro Plus+ (70Mai A500s)
ทำไมกล้องติดรถยนต์ 70Mai Pro Plus+ ถึงนิยมสูงสุดในปี 2021?
ช่องทางการติดต่อ