Last updated: 7 ก.พ. 2562 | 1129 จำนวนผู้เข้าชม |
กล้องติดรถนี่สำคัญนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้ถึงแม้ตั๋วเครื่องบินจะราคาถูก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะอยากนั่งเครื่องบินไปเที่ยวกันสักหน่อย บางคนก็อยากเดินทางไกลด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพราะทำให้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันได้นาน ซึ่งจริงๆ แล้วการเดินทางด้วยรถมันก็สะดวกหลายอย่างนะครับ อยากแวะเที่ยวตรงไหนก็ได้ ขนของได้เยอะ อิสระทุกการเดินทาง และลุยได้ทุกจุดหมายที่ต้องการเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือ ต้องตรวจเช็คสภาพรถทั้ง 5 จุดนี้ให้พร้อมก่อนออกเดินทางกันด้วยล่ะ
1. กล้องติดรถยนต์
อุปกรณ์อย่างแรกที่ไม่ตรวจคงไม่ได้ เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการเดินทางครั้งนี้เลย กล้องติดรถยนต์นั้นจำเป็นมากครับกับการเดินทางไกล เพราะมันจะช่วยบันทึกภาพการขับขี่ทุกอย่างของเราตั้งแต่จุดเริ่มต้น ยันจุดสิ้นสุด ซึ่งแน่นอนว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีกล้องติดรถยนต์ไว้ก็จะช่วยเก็บบันทึกหลักฐานทุกอย่างเผื่อมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
หรืออย่างในกรณีเลวร้ายที่สุด เวลาเราขับรถหลงทาง แล้วแบตโทรศัพท์หมด ไม่มีแผนที่ให้ดู ก็อาจจะใช้การเปิดกล้องติดรถดูย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นก็ได้ว่า เราขับมาจากทางไหน เท่านี้ก็หายหลงแล้ว เห็นมั้ยครับว่าประโยชน์ของกล้องติดรถมันมีมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเช็คให้มันพร้อมใช้งานไว้ดีที่สุด หรือถ้าใครยังไม่มีกล้องติดรถยนต์ดีๆ ก็เข้าไปหาซื้อที่ ไรเซอร์คลับ ได้เลย
2. น้ำมันเครื่อง
สิ่งสำคัญต่อมาก็คือน้ำมันเครื่องนี่แหละครับ ถ้าน้ำมันเครื่องรถยนต์เราพร่องไป ก็ส่งผลเสียทำให้เครื่องพังได้เลย ซ่อมทีนี่หลายหมื่นบาทเลยทีเดียว เพราะน้ำมันเครื่องมันเป็นสิ่งที่เข้าไปช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์ลดแรงเสียดทานมากขึ้น คอยแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในเครื่องยนต์
ยิ่งเราใช้รถทางไกล ขับติดต่อกันเป็นชั่วโมงยิ่งทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก เพราะฉะนั้นน้ำมันเครื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการเช็คน้ำมันเครื่องก็ให้เราดึงก้านวัดออกมา แล้วใช้ทิชชูหรือผ้า เช็ดที่ปลายก้านวัด แล้วจุ่มกลับลงไปใหม่ เพื่อตรวจสอบว่าน้ำมันเครื่องนั้นเหลือเยอะแค่ไหน ถ้าอยู่ตำแหน่ง L ก็ต้องรีบเติมด่วน
3. เติมลมยางให้เต็ม
นอกจากกล้องติดรถ และน้ำมันเครื่องแล้ว ลมยางก็ต้องให้ความสำคัญนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งที่สุดของรถแล้ว เป็นไอเทมที่ต้องรับแรงปะทะกับถนนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นให้ตรวจเช็คทุกอย่างแบบละเอียดที่สุดเลยจุดนี้ ทั้งเช็คลมยาง ทั้งดูดอกยาง
โดยลมยางมาตรฐานปกติแล้วถ้าไม่มั่นใจว่ารถเราเล็ก ใหญ่ แค่ไหน ควรเติมสักเท่าไหร่ดี ก็ให้เติมลมยาง 30 ไว้นี่แหละครับ เพลย์เซฟไปดีที่สุด ส่วนอายุการใช้งานของยางรถยนต์นั้น อยู่ที่ 3-5 ปีครับ ถ้าเรารู้ว่าเราใช้ยางชุดนี้มานานแล้วก็คงได้เวลาเปลี่ยนสักที เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเลย เพราะเสียเงินครั้งเดียวอยู่ได้ยาวๆ จนลืม
4. แบตต้องพร้อม
แบตเตอรีรถยนต์นี่ก็ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน จะปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ได้เลย เพราะถ้าเกิดแบตไปหมดกลางทางนี่เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ดังนั้นก่อนออกจากบ้านแนะนำเลยครับว่าให้เช็คแบตให้ดี อันดับแรกดูก่อนว่าแบตเรามีอายุการใช้งานกี่ปีแล้ว โดยบนแบตจะมีการแกะสลักเป็นวันที่เริ่มใช้อยู่ เช่น 6/15 แสดงว่าแบตเริ่มใช้งานเดือน 6 ปี 2015 ซึ่งอายุการใช้งานแบตปกติจะอยู่ได้ 3-5 ปี ซึ่งก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะครับ
หรือจะให้ดี หาอุปกรณ์วัดโวลต์มาเช็คเพื่อความชัวร์ด้วยก็ได้ ถ้าแรงไฟต่ำกว่า 11 โวลต์ก็ถือว่าแบตใกล้หมดแล้ว ให้รีบเปลี่ยน หรือชาร์จทันที แต่ถ้าอยู่ที่ 13-14 โวลต์นี่โอเคเลย
5. ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก
สุดท้ายแล้วก็เรื่องของระบบไฟเนี่ยแหละครับ ที่จะเป็นตัวตัดสินความปลอดภัยของเรา เช็คให้ดีว่าไฟติดทุกดวงมั้ย ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก คนบางคนชอบคิดว่าไฟติดดวงเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง ตรงนี้แหละครับที่น่ากลัว ยิ่งเราต้องขับตอนกลางคืนด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไฟที่หายไปเหลือดวงเดียวจะทำให้รถทั้งคันที่สวนมา และคันที่ตามหลัง เค้าคิดว่าเราเป็นรถมอเตอร์ไซค์ได้ จะแซง จะอะไรก็กะระยะผิดไปหมด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสุดๆ เลย
และที่ห้ามลืมเด็ดขาดก็คือไฟเลี้ยว ใช้ทุกครั้งครับให้ติดเป็นนิสัย จะเลี้ยวเมื่อไหร่เปิดทันที เพราะเป็นการให้สัญญาณเพื่อนร่วมทาง เช็คดูว่ามันติดมั้ยไฟเหล่านี้ ถ้าไม่ก็เข้าซ่อมก่อนออกเดินทางด้วย เพราะมันจำเป็นมากจริงๆ
ทั้ง 5 จุดนี้แหละครับที่เราจำเป็นต้องเช็คก่อนออกเดินทาง เพราะเป็นจุดสำคัญสำหรับการใช้รถมากที่สุดแล้ว ก่อนจะไปไหนไกลๆ ก็สละเวลาสักนิดมาตรวจสอบให้พร้อมใช้กันด้วยล่ะ เพราะถึงแม้อุบัติเหตุมันเป็นเรื่องที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่เราก็ป้องกันเอาไว้ให้โอกาสเกิดมันน้อยที่สุดได้นี่นา เพราะฉะนั้นดูแลรักษาและให้ความสำคัญกับเจ้ารถสุดที่รัก ด้วยการตรวจเช็คสิ่งเหล่านี้กันด้วยล่ะ