VIOFO A129 Plus Duo สุดยอดกล้องติดรถยนต์ที่ทนแดดได้ดีที่สุด!

Last updated: 4 พ.ค. 2565  |  2434 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VIOFO A129 Plus Duo สุดยอดกล้องติดรถยนต์ที่ทนแดดได้ดีที่สุด!

ต้องบอกเลยว่าแดดในประเทศไทยเนี่ยร้อนมากจริง ๆ ร้อน แบบร้อน ๆๆ ร้อนแบบไม่มีอะไรมาขวางกัน คือถ้าร้อนกว่านี้ก็ตกนรกแล้วนะคะ ยิ่งถ้าใครที่มีรถยนต์แล้วต้องจอดรถตากแดดเป็นประจำทุกวัน เช่นวันละประมาณ  6-7 ชม. แบบนี้แล้วด้วยนะ รับรองเลยว่า.. เกรียมทั้งคน เกรียมทั้งรถแน่นอน แฮร่! ไม่ใช่นะคะ จะบอกว่าถ้าใครต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แล้วต้องใช้กล้องติดรถยนต์ด้วย ถ้าเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ที่เป็นแบตเตอรี่รับรองว่า เสี่ยงต่อการที่แบตกล้องติดรถยนต์จะระเบิดแน่นอนค่ะ


เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ก็ต้องเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ที่ใช้คาปาซิเตอร์ อย่าง กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo นั่นเอง ทำไมต้องเป็นรุ่นนี้ แล้วรุ่นนี้มีดียังไง ถ้าอยากรู้แล้วไปดูกันเลย

 

  กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo



กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo


  1. กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo ใช้คาปาซิเตอร์เป็นแหล่งจ่ายพลังงาน ซึ่งคาปาซิเตอร์ ต้องบอกเลยว่า

-ทนความร้อนได้ดีกว่าแบตเตอรี่

-อายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่ ไม่มีคาปาซิเตอร์บวมนะคะ

-และปลอดภัยกว่าแบตเตอรี่แน่นอน 100% ค่ะ

 

 

 

กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo


  2. กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo กล้องหน้าคมชัด 2K ส่วน กล้องหลังคมชัด Full HD ด้วยความคมชัดของกล้องหน้า 2K เมื่อเปิดดูคลิปวิดีโอ ภาพจะมีความสวยและคมชัด รับรองว่าเห็นชัดทุกรายละเอียด โดยไม่ต้อง เพ่งสายตามองเลยว่า ในคลิปมีอะไรบ้าง

 

ส่วนกล้องหลังก็เช่นเดียวกันแต่ความคมชัดก็จะถูกลดลงมาเล็กน้อย โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไรค่ะ ก็เหมือนเวลาเราเปิดดูคลิปใน YouTube ถ้าเราเลือกความคมชัด Full HD ก็แน่นอนอยู่แล้วความคมชัดก็ต้องน้อยกว่า 2K เป็นเรื่องปกติค่ะ


และความคมชัดของคลิปที่ได้กล้องติดรถยนต์หน้า-หลังนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกล้องติดรถยนต์อย่างเดียวค่ะ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น


  ฟิล์มกระจกรถยนต์ ถ้าฟิล์มกระจกรถยนต์มืดเกิดไป คลิปที่ได้ก็จะคมชัดน้อยลงและมีความมืดตามฟิล์มติดรถยนต์ค่ะ


  คอนโซนหน้าและคอนโซนหลังรถยนต์ถ้ามีของวางอยู่ เช่น ตุ๊กตา ของใช้ หรือ พระเครื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดเงาสะท้อนไปที่กระจกรถยนต์ ทำให้คลิปที่บันทึกได้ติดเงาสะท้อนเหล่านี้ซึ่งก็เป็นส่วนที่ทำให้คลิปไม่คมชัดเช่นกันค่ะ


   บริเวณหรือสถานที่ ที่ขับรถตอนกลางคืนมีความมืดมาก แทบจะไม่มีไฟข้างทาง แบบนี้ ก็เป็นผลทำให้ภาพที่ได้ไม่คมชัดเช่นเดียวกันค่ะ
 

 


กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo

 

  3. กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo มี GPS เป็นตัวเลือก สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ หรือ ไม่ใช้ ซึ่งหน้าที่ของ GPS ก็คือ ระบุพิกัด และ ความเร็วลงในคลิปวิดีโอ และเราจะเห็นทั้ง 2 อย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดดูคลิปวิดีโอย้อนหลังค่ะ


ในส่วนของ ความเร็วรถ ส่วนมากก็จะมีไว้เพื่อยืนยันตอนเกิดอุบัติเหตุว่าเราขับรถด้วยความเร็วปกตินะ แต่ที่หลายคนน่าจะยังไม่รู้ และ ค่อยไม่เข้าใจจะเป็นพิกัดมากกว่า ไม่รู้ว่ามีแล้วมันยังไงต่อ ??


ส่วน... พิกัดที่บันทึกได้ส่วนมาที่เราเห็นในคลิปก็คือ N13.316800, E100.958000 ประมาณนี้ซึ่งเลขตรงนี้เราสามารถเอาไปค้นหาใน Google Map ได้ว่ามันคือที่ไหนค่ะ
โดยที่ตอนพิมพ์ในช่องค้นหาให้เริ่มจาก N ไป E แต่ ใส่แค่ตัวเลขเท่านั้นนะคะ เช่น Search: 13.316800, 100.958000 แบบนี้ค่ะ เพียงเท่านี้ เราก็จะรู้แล้วว่าพิกัดนี้มันคือที่ไหน ถามว่าแล้วจะเอาไปใช้ในกรณีไหนละ

 

ก็ใช้ในกรณีเช่น สมมุติเราเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเราไม่รู้ว่าที่ไหน มือถือเราก็ดันเน็ตหมด เลยเปิดดู Map ในมือถือไม่ได้ ตรงนี้ก็ให้เราเปิดดูพิกัดรถในคลิปกล้องหน้าติดรถยนต์ดูได้เลย แล้วก็เอาเลขพิกัดในคลิปโทรบอกกับคนที่บ้านหรือตำรวจเพื่อให้เขาตามหาเราได้ หรือ ใช้เพื่อระบุจุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ถ้าคู่กรณีชนแล้วหนี เราก็จะมีหลักฐานทั้ง วิดีโอ และพิกัด ว่าเกิดเหตุที่ไหน เมื่อไรนั่นเองค่ะ

 

 

 

กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo


  4. กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo ใช้ โหมดบันทึกตอนจอด 24 ชม. ได้ 3 แบบด้วยกัน ซึ่งปกติแบรนด์อื่น ๆ จะใช้ได้แค่ 1 แบบเท่านั้น และนอกจากนี้ โหมดบันทึกตอนจอด ก็ยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ หรือ ไม่ใช้ ก็ได้ ถ้าต้องการใช้ โหมดบันทึกตอนจอด ก็ต้องซื้อสายต่อตรง HK3 เพิ่มถึงจะใช้งานได้นั่นเองค่ะ


ข้อดีของโหมดบันทึกตอนจอด คือ กล้องติดรถยนต์จะยังคงทำงานอยู่ตลอด 24 ชม. ถึงแม้ว่าเราจะดับเครื่องยนต์ไปแล้วก็ตามค่ะ


อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo นั้นสามารถใช้โหมดบันทึกตอนจอดได้ 3 แบบ ใช่มั้ยคะ ซึ่งทั้ง 3 แบบนั้นก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ


  Auto event detection
จะบันทึกเมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องเท่านั้นเช่น มีรถขับมาชน ก็จะได้ทั้งคลิปหลังและก่อนชนทำให้รู้ได้เลยว่ารถที่มาชน มาจากทิศทางไหนค่ะ


   Time lapse
จะเป็นการบันทึกตลอดเวลาแต่คลิปที่บันทึกได้จะเป็นแบบเร่งความเร็วเท่านั้น คือไม่สามารถกำหนด หรือ ทำให้คลิปเล่นแบบปกติไม่ได้ค่ะ


   Low bitrate recording
จะเป็นการบันทึกวิดีโอด้วยบิตเรทต่ำ ซึ่งการบันทึกด้วยบิตเรตต่ำ จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในเมมมากขึ้นเช่น เมม 64GB บันทึกคลิปปกติใช้เวลา 5 ชม. แต่ถ้าเลือกบิตเรตต่ำจะบันทึกได้ประมาณ15 ชม. แบบนี้เป็นต้นค่ะ


บิตเรทต่ำ ส่งผลอะไรกับคลิปที่ได้ไหม ?? จะส่งผลให้ภาพคมชัดน้อยลง บิตเรตสูงภาพสวย บิตเรทต่ำภาพไม่สวยนั่นเองค่ะ

 

 

 

กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo

  5. กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo ต้องใส่เมมโมรี่การ์ด จริง ๆก็ทุกรุ่นนะคะ เมื่อไหร่ที่เราได้กล้องติดรถยนต์แล้วเราก็อย่าลืมเมมโมรี่การ์ด ค่ะเพราะว่าเมมโมรี่การ์ด คือ ส่วนที่จัดเก็บคลิปไว้ ถ้าไม่มีเมมโมรี่การ์ด ก็จะไม่มีคลิปวิดีโอร่วมถึงกล้องติดรถยนต์ก็จะใช้งานไม่ได้นั่นเองค่ะ


และเมมโมรี่การ์ดที่จะใช้กับ กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้รุ่นไหนก็ได้นะ ต้องใช้เป็นเมมแท้ Class 10 หรือ เมมแท้ที่มี Class สูงกว่าขึ้นไปเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่อย่างที่บอกไป เมื่อเราเปิดดูคลิปวิดีโอภาพมันก็จะกระตุก เหมือนแผ่นสะดุด ดูแล้วไม่ไหลลื่นนั่นเองค่ะ และยิ่งถ้าใช้ของปลอมด้วยก็อาจจะทำให้กล้องติดรถยนต์พังได้เลยค่ะ


ซึ่งเมมโมรี่การ์ดที่แนะนำ ก็คือเมมโมรี่การ์ดของแท้ ของ แบรนด์ VIOFO เองเลยค่ะ เพราะยังไงก็เป็นแบรนด์เดียวกัน ที่เขาผลิตออกมาก็เพื่อให้ใช้คู่กันนี่แหละค่ะ รับรองว่าไหลลื่นไม่มีปัญหาเวลาใช้กล้องติดรถยนต์แน่นอนค่ะ  


และนี่ก็คือข้อมูลคร่าว ๆ ของ กล้องติดรถยนต์ VIOFO A129 Plus Duo ค่ะซึ่งก็จะเห็นว่านอกจากตัวกล้องติดรถยนต์จะทนความร้อนได้ดีแล้ว ก็ยังทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย ซึ่งถ้าใครสนใจสั่งซื้อ หรือ มีข้อสงสัยอย่างสอบถามก็สามารถ ทักมาสอบถามได้ตามช่องทางด่านล้างนี้ได้เลยค่ะ

 

  ช่องทางการสั่งซื้อ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้